มาตรฐานกรอบระยะเวลาสำหรับการให้บริการ (Service Level Agreement : SLA)
- การให้บริการข้อมูลเกี่ยวกับการประกันวินาศภัย และการเสนอขายกรมธรรม์ประกันภัย
- การรับประกันภัย และการให้บริการหลังการเสนอขายกรมธรรม์ประกันภัย
- การชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามสัญญาประกันภัย
- การดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องร้องเรียน
- การให้บริการข้อมูลเกี่ยวกับการประกันวินาศภัย และการเสนอขายกรมธรรม์ประกันภัยผ่านช่องทางต่างๆ
ในการเสนอขายกรมธรรม์ประกันภัย เมื่อลูกค้าต้องการทราบว่าบริษัทได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าหรือผู้ขอเอาประกันภัยมาได้อย่างไร บริษัทกำหนดให้พนักงาน ตัวแทนประกันวินาศภัยหรือนายหน้าประกันวินาศภัยของบริษัท ดำเนินการแจ้งแหล่งที่มาของข้อมูลให้ลูกค้าหรือผู้ขอเอาประกันภัยทราบอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้
(1) ลูกค้าหรือผู้ขอเอาประกันภัยเป็นผู้ให้ข้อมูลนั้นกับบริษัทโดยตรงผ่านช่องทางต่างๆ เช่น กรอกข้อมูลบนแบบฟอร์ม การให้ข้อมูลผ่านโทรศัพท์ เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันต่างๆ ที่บริษัทจัดให้มีขึ้น เว้นแต่บางกรณีบริษัทอาจได้รับข้อมูลจากบุคคลที่สาม โดยบริษัทเชื่อโดยสุจริตว่าบุคคลที่สามดังกล่าวมีสิทธิเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลและเปิดเผยกับบริษัท
(2) บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลจากแหล่งอื่นๆ นอกจากเจ้าของข้อมูลโดยตรง โดยที่แหล่งข้อมูลดังกล่าวมีอำนาจหน้าที่ มีเหตุผลที่ชอบด้วยกฎหมายหรือได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลแล้วในการเปิดเผยข้อมูลแก่บริษัท เช่น การได้รับข้อมูลจากผู้เอาประกันภัย ผู้ประสบภัย ผู้ได้รับประโยชน์ตามกรมธรรม์ประกันภัย ตัวแทนประกันวินาศภัย นายหน้าประกันวินาศภัย ผู้ประเมินวินาศภัย ผู้สำรวจภัยภายนอก หน่วยงานภาครัฐ สถานพยาบาล สถาบันการเงิน แหล่งข้อมูลสาธารณะ
ทั้งนี้ บริษัทจะแจ้งข้อมูลดังกล่าวข้างต้นให้ลูกค้าหรือผู้ขอเอาประกันภัยซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบภายใน 5 วันนับแต่วันที่บริษัทได้รับการร้องขอ
บริษัทกำหนดให้พนักงาน ตัวแทนประกันวินาศภัยหรือนายหน้าประกันวินาศภัยของบริษัท ดำเนินการอธิบายหลักการเปิดเผยข้อความจริงในใบคำขอเอาประกันภัย และผลของการแถลงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงอันเป็นสาระสำคัญให้ลูกค้าหรือผู้ขอเอาประกันภัยทราบ ดังนี้
(1) ผู้เอาประกันภัยต้องเปิดเผยข้อความจริง ซึ่งถือเป็นสาระสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลเกี่ยวกับความเสี่ยงภัยที่สูงกว่าปกติทั่วไป หรือความเสี่ยงภัยด้านศีลธรรม (Moral Hazard) ให้บริษัททราบ เพื่อให้บริษัทใช้ในการกำหนดเบี้ยประกันภัยหรือการพิจารณาตัดสินใจรับประกันภัยเท่าที่วิญญูชนทั่วไปควรต้องเปิดเผยโดยเต็มใจ ครบถ้วนและถูกต้อง
(2) การแถลงข้อความจริงใดๆ ของผู้เอาประกันภัยในขณะขอทำสัญญาประกันภัยเป็นความเท็จ ไม่ว่าข้อความนั้นผู้เอาประกันภัยจะเป็นผู้กล่าวขึ้นเอง หรือเนื่องจากการตอบคำถามของบริษัทในขณะทำสัญญาประกันภัย หรือระบุไว้ในเอกสารประกอบใบคำขอเอาประกันภัยก็ตาม สัญญาประกันภัยนั้นจะเป็นโมฆียะ และบริษัทอาจพิจารณาบอกเลิกสัญญาประกันภัยและมีสิทธิปฏิเสธความรับผิดตามสัญญาประกันภัยได้
บริษัทกำหนดให้พนักงาน ตัวแทนประกันวินาศภัยหรือนายหน้าประกันวินาศภัยของบริษัท ดำเนินการแจ้งสิทธิเกี่ยวกับกรมธรรม์ประกันภัยให้ลูกค้าหรือผู้เอาประกันภัยทราบ ดังนี้
(1) ผู้เอาประกันภัยสามารถขอยกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยได้ด้วยวิธีการอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้
วิธีการที่ 1 : แจ้งให้บริษัททราบเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งจะมีผลให้กรมธรรม์ประกันภัยสิ้นผลบังคับทันที ณ วันเวลาที่บริษัทได้รับหนังสือบอกเลิก หรือวันเวลาที่ระบุไว้ในหนังสือบอกเลิก แล้วแต่ว่าวันใดเป็นวันหลังสุด ผ่านช่องทางดังต่อไปนี้
• ส่งไปรษณีย์ ตามชื่อหน่วยงานและที่อยู่ ดังนี้
หน่วยงานสลักหลังยกเลิกกรมธรรม์
เลขที่ 295 อาคารมิตรแท้ประกันภัย ถนนสี่พระยา
แขวงสี่พระยา เขตบางรัก กรุงเทพฯ 10500
• ส่ง E-mail ผ่าน contactcenter@mittare.com
• ติดต่อโดยตรง ณ ที่ทำการบริษัท
เลขที่ 295 อาคารมิตรแท้ประกันภัย ถนนสี่พระยา
แขวงสี่พระยา เขตบางรัก กรุงเทพฯ
วิธีการที่ 2 : แจ้งให้บริษัททราบด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านช่องทางระบบข้อมูลที่บริษัทกำหนดไว้ ซึ่งจะมีผลให้กรมธรรม์ประกันภัยสิ้นผลบังคับ ณ วันที่ข้อมูลการบอกเลิกส่งไปยังระบบข้อมูลที่บริษัทระบุไว้ หรือ ณ วันที่ระบุไว้ในหนังสือบอกเลิก แล้วแต่ว่าวันใดเป็นวันหลังสุด
ทั้งนี้ ในกรณีผู้เอาประกันภัยมีสิทธิได้รับเบี้ยประกันภัยคืนตามอัตราการคืนเบี้ยประกันภัยที่ระบุไว้ บริษัทจะคืนเบี้ยประกันภัยให้แก่ผู้เอาประกันภัย ภายใน 15 วันนับแต่วันที่กรมธรรม์ประกันภัยสิ้นผลบังคับ
(2) ผู้เอาประกันภัยจะได้รับกรมธรรม์ประกันภัยจากบริษัท ภายใน 7 วันนับแต่วันที่บริษัทอนุมัติกรมธรรม์ประกันภัย
(3) การแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับกรมธรรม์ประกันภัย บริษัทจะติดต่อผู้เอาประกันภัยผ่านช่องทางต่างๆ เช่น ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ E-mail ช่องทางสื่อสารออนไลน์บนแอปพลิเคชันต่างๆ ตามที่ผู้เอาประกันภัยได้ให้ข้อมูลไว้กับบริษัทเท่านั้น
(1) การประกันภัยรถยนต์ (Motor) : ภายใน 7 วันนับแต่วันที่บริษัทได้รับเอกสารหลักฐานถูกต้องครบถ้วน
(2) การประกันภัยทั่วไป (Non – Motor) : ภายใน 10 วันนับแต่วันที่บริษัทได้รับเอกสารหลักฐานถูกต้องครบถ้วน เว้นแต่กรมธรรม์ประกันภัยที่มีความซับซ้อนซึ่งต้องพิจารณาปัจจัยความเสี่ยงภัยหรือปัจจัยอื่นเพิ่มเติม
(1) การประกันรถยนต์ (Motor) : ภายใน 7 วันนับแต่วันที่อนุมัติกรมธรรม์ประกันภัย
(2) การประกันภัยทั่วไป (Non – Motor) : ภายใน 7 วันนับแต่วันที่อนุมัติกรมธรรม์ประกันภัย
(1) บริษัทนำส่งข้อมูลเข้าระบบฐานข้อมูลการประกันวินาศภัย (Non-Life Insurance Bureau System : IBS– Non-Life) ตามแต่ละกรณี ดังนี้
ก. การประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ การประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ การประกันภัยทางทะเลและขนส่ง การประกันภัยเบ็ดเตล็ด การประกันภัยอุบัติเหตุและสุขภาพ นำส่งข้อมูลเข้าระบบฯ ภายในสิ้นเดือนถัดไปนับแต่วันที่ทำสัญญาประกันภัยรายนั้น
ข. การประกันอัคคีภัย นำส่งข้อมูลเข้าระบบฯ ภายใน 7 วันนับแต่วันที่ได้ทำสัญญาประกันอัคคีภัยรายนั้น
(2) บริษัทนำส่งข้อมูลเข้าระบบรายงานข้อมูลประกันภัยรถภาคบังคับ (Compulsory Motor Insurance System : CMIS) ทันที หลังจากที่ได้มีการรับประกันภัยรถ
(1) เปลี่ยนแปลงข้อมูลของผู้เอาประกันภัย
(ก) เปลี่ยนชื่อ/สกุล
(ข) เปลี่ยนที่อยู่หรือที่ติดต่อ
(ค) เปลี่ยนหมายเลขโทรศัพท์
(ง) การเปลี่ยนวิธีชำระเบี้ยประกันภัย เช่น การยกเลิกการหักบัญชีผ่านธนาคาร/การยกเลิกหักบัญชีผ่านบัตรเครดิต/การยกเลิกการรับผลประโยชน์ ตามกรมธรรม์ประกันภัยและเงินอื่นๆ ผ่านบัญชีธนาคาร
(2) การเปลี่ยนแปลงผู้รับประโยชน์
(3) การเปลี่ยนแปลงข้อมูลอื่นๆ
ภายใน 7 วันนับแต่วันที่บริษัทได้รับเอกสารหลักฐานถูกต้องครบถ้วน
ภายใน 7 วันนับแต่วันที่บริษัทได้รับเอกสารหลักฐานถูกต้องครบถ้วน
(1) การประกันภัยรถยนต์ (Motor) : ภายใน 7 วันนับแต่วันที่บริษัทได้รับชำระค่าเบี้ยประกันภัย
(2) การประกันภัยทั่วไป (Non – Motor) : ภายใน 7 วันนับแต่วันที่บริษัทได้รับชำระค่าเบี้ยประกันภัย
เมื่อบริษัทได้รับแจ้งเหตุ หรือมีการเรียกร้องให้ชดใช้เงินหรือค่าสินไหมทดแทนแทนตามสัญญาประกันภัย บริษัทจะดำเนินการบันทึกข้อมูลการรับแจ้งเหตุหรือการเรียกร้อง พร้อมทั้งออกเลขที่ตรวจสอบรายการความเสียหาย และประมาณการค่าสินไหมทดแทนเบื้องต้น ภายในระยะเวลาดังนี้
(1) การประกันภัยรถยนต์ (Motor)
(ก) ออกเลขที่รับแจ้งอุบัติเหตุทันทีที่ได้รับแจ้งเหตุ
(ข) บันทึกข้อมูลการรับแจ้งเหตุ และประมาณการค่าสินไหมทดแทนไปยังสมุดทะเบียนค่าสินไหมทดแทนและสมุดบัญชีของบริษัท ภายใน 7 วันนับแต่วันที่ได้รับข้อมูลดังกล่าว
(2) การประกันภัยทั่วไป (Non – Motor)
(ก) ออกเลขที่รับแจ้งอุบัติเหตุทันทีที่ได้รับแจ้งเหตุ
(ข) บันทึกข้อมูลการรับแจ้งเหตุ และประมาณการค่าสินไหมทดแทนไปยังสมุดทะเบียนค่าสินไหมทดแทนและสมุดบัญชีของบริษัท ภายใน 7 วันนับแต่วันที่ได้รับข้อมูลดังกล่าว
(1) การประกันภัยรถยนต์ (Motor) : ภายใน 30 นาทีนับแต่ได้รับการแจ้งเหตุ หรือตามวันและเวลาที่นัดหมายกับลูกค้า เว้นแต่มีเหตุจำเป็นหรือปัจจัยอื่นใดที่กระทบต่อการเดินทาง
(2) การประกันภัยทั่วไป (Non – Motor) : ภายใน 3 วันนับแต่ได้รับการแจ้งเหตุ หรือตามวันและเวลาที่นัดหมายกับลูกค้า เว้นแต่มีเหตุจำเป็นหรือปัจจัยอื่นใดที่กระทบต่อการเดินทาง
บริษัทจะดำเนินการออกเอกสารตามแต่ละกรณี ดังนี้
(1) การประกันภัยรถยนต์ (Motor)
กรณีที่ 1 : อุบัติเหตุเป็นไปตามเงื่อนไขความคุ้มครองของกรมธรรม์ประกันภัย บริษัทจะออกหลักฐานเป็นใบรับรองความเสียหายให้ทันที หรือตามวันและเวลาที่นัดหมายกับลูกค้า
กรณีที่ 2 : อุบัติเหตุต้องตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม บริษัทจะออกหลักฐานเป็นใบติดต่อให้ทันทีหลังจากตรวจสอบอุบัติเหตุเบื้องต้นแล้วเสร็จ
(2) การประกันภัยทั่วไป (Non – Motor)
• บริษัทจะออกหลักฐานเป็นใบติดต่อให้ทันทีในวันที่ออกสำรวจภัยเบื้องต้น
• กรณีต้องตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม บริษัทจะออกหนังสือขอเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมภายใน 5 วันนับแต่วันที่ออกสำรวจภัยเบื้องต้น
• บริษัทจะจัดส่งหนังสือแจ้งผลพิจารณาความคุ้มครองตามสัญญาประกันภัยให้ลูกค้าทราบภายใน 10 วันนับแต่วันที่ตรวจสอบความเสียหายและได้รับเอกสารหลักฐานถูกต้องครบถ้วน และหากความเสียหายดังกล่าวได้รับความคุ้มครองตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ประกันภัย บริษัทจะดำเนินการให้ลูกค้าจัดทำใบเสนอราคาเพื่อส่งให้บริษัทพิจารณาคุมราคาต่อไป
(1) การประกันภัยรถยนต์ (Motor) (การกำหนดมาตรฐานความเสียหาย เบา กลาง หนัก จะถูกกำหนดภายหลัง) : ภายใน 15 วันนับแต่วันที่บริษัทได้ตรวจสอบความเสียหายและได้รับเอกสารหลักฐานถูกต้องครบถ้วน เว้นแต่มีเหตุจำเป็นที่ทำให้บริษัทไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จ บริษัทจะแจ้งเหตุอันควรให้ทราบภายในระยะเวลาดังกล่าว
(2) การประกันภัยทั่วไป (Non – Motor) : ภายใน 15 วันนับแต่วันที่บริษัทได้ตรวจสอบความเสียหายและได้รับเอกสารหลักฐานถูกต้องครบถ้วน เว้นแต่มีเหตุจำเป็นที่ทำให้บริษัทไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จ บริษัทจะแจ้งเหตุอันควรให้ทราบภายในระยะเวลาดังกล่าว
(1) การประกันภัยรถยนต์ (Motor) : ภายใน 15 วันนับแต่วันที่กรมธรรม์ประกันภัยสิ้นผลบังคับ
(2) การประกันภัยทั่วไป (Non – Motor) : ภายใน 15 วันนับแต่วันที่กรมธรรม์ประกันภัยสิ้นผลบังคับ
• การร้องเรียนผ่านช่องทาง Call Center : ภายใน 1 วันทำการนับแต่วันที่ได้รับเรื่องร้องเรียน
• การร้องเรียนผ่านช่องทาง Website : ภายใน 1 วันทำการนับแต่วันที่ได้รับเรื่องร้องเรียน
• การร้องเรียนผ่านช่องทาง Social media : ภายใน 1 วันทำการนับแต่วันที่ได้รับเรื่องร้องเรียน
• การร้องเรียนผ่านช่องทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ : ภายใน 1 วันทำการนับแต่วันที่ได้รับเรื่องร้องเรียน
• การร้องเรียนเป็นลายลักษณ์อักษร : ภายใน 1 วันทำการนับแต่วันที่ได้รับเรื่องร้องเรียน
• การร้องเรียนผ่านเจ้าหน้าที่ของบริษัท ณ ที่ทำการสำนักงานใหญ่ : บริษัทจะออกหลักฐานการรับเรื่องร้องเรียนทันที
(1) การประกันภัยรถยนต์ (Motor) : ภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับเรื่องขอให้ทบทวนหรือเอกสารหลักฐานเพิ่มเติม (ถ้ามี)
(2) การประกันภัยทั่วไป (Non – Motor) : ภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับเรื่องขอให้ทบทวนหรือเอกสารหลักฐานเพิ่มเติม (ถ้ามี)